การเตรียมพร้อมก่อนเรียน ครั้งที่๕
หัวข้อการเขียนแบบเบื้องต้น
เรื่องมาตรฐานการเขียนแบบ
และภาพสเก็ต
1.เครื่องมือและอุปกรณ์
1.1 โต๊ะเขียนแบบ1.2 กระดาษเขียนแบบ1.3 ไม้ที 1.4 บรรทัดสามเหลี่ยม1.5 บรรทัดมาตราส่วน1.6 บรรทัดเขียนส่วนโค้ง1.7 แผ่นแบบ1.8 วงเวียน1.9 วงเวียนวัดระยะ1.10 ปากกาเขียนแบบ1.11 เครื่องเหลาดินสอ1.12 เครื่องมือทำความสะอาด1.13 ยางลบ 1. เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการเขียนแบบ การปฏิบัติการเขียนแบบ ที่จะได้แบบงานที่ถูกต้องและเป็นมาตรฐาน จะต้องอาศัย ทักษะของผู้ปฏบัติการเขียนแบบรวมทั้งเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการเจียนแบบมีความสำคัญมากและได้คุณภาพงานที่เป็นมาตรฐานเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการเขียนแบบมีดังนี้
1.1 โต๊ะเขียนแบบ (DRAWING TABLE)โต๊ะเขียนแบบโดยทั่ว ๆ ไปจะมีขนาดมาตรฐานจาก 600 X 900 มม.ถึง 1,050 X 2100 มม. คุณลักษณะที่ดีของโต๊ะเขียนแบบ คือ
1. สามารถควบคุมการปรับเอียงของโต๊ะได้ 1 ด้าน
2. สามารถควบคุมการปรับความสูงได้ด้วยมือหรือเท้า
3. สามารถปรับตำแหน่งกระดานให้อยู่ในแนวตั้งได้
4. มีโคมไฟ
5. มีอุปกรณ์ประกอบในการเขียนแบบ
โต๊ะเขียนแบบที่เป็นรางเลื่อน มีแขนเลื่อนตามขวางซึ่งเลื่อนไปทางซ้ายและขวาของโต๊ะเขียนแบบรูปร่างและการเคลื่อนที่ ตลอดจนการควบคุมการเคลื่อนที่จะแตกต่างกันไปตามบริษัทผู้ผลิต ดังรูป 1.1 ซึ่งแสดงถึงส่วนต่างๆ ของโต๊ะเขียนแบบที่เป็นรางเลื่อน ซึ่งมีข้อดีดังนี้
1. มั่นคงและแม่นยำ
2. ขณะใช้งานสามารถเอียงโต๊ะเป็นมุมชัน และชุดหัวไม่เลื่อนลง
3. ทั้งชุดหัวและแขนเลื่อนตามขวางล็อคได้ทุกตำแหน่ง ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่สำคัญเมื่อต้องเขียนตัวอักษรหรือใช้อุปกรณ์อื่นๆ ในการเขียนแบบที่ต้องการตำแหน่งอันมั่นคง
ภาพที่ 1.1 ลักษณะกระดานเขียนแบบและโต๊ะเขียนแบบ
ภาพที่ 1.2 โต๊ะเขียนแบบ
1.2 กระดานเขียนแบบ จะต้องมีพื้นผิวเรียบที่ขอบด้านซ้ายมือจะต้องเรียบและตรง เนื่องจากหัวของไม้ที (T-Square) จะต้องแนบและเลื่อนขึ้นลงที่ขอบด้านซ้ายมือนั้น กระดานเขียนแบบส่วนใหญ่นิยมนำมาใช้ในการเขียนแบบสนามหรือเขียนแบบนอกสถานที่ บางครั้งก็นำมาใช้เขียนแบบในโรงเรียนบ้างเหมือนกันกรณีที่โรงเรียนนั้นไม่มีโต๊ะเขียนแบบมาตรฐาน เพราะถ้าหากว่านักศึกษาเขียนไม่เสร็จ สามารถนำไปเขียนต่อที่บ้านได้โดยไม่ต้องแกะแบบออกจากกระดาน ดังแสดงในภาพที่ 1.3
ภาพที่ 1.3 แสดงลักษณะของกระดานเขียนแบบและการใช้งานกับไม้ที
1.3 ไม้ที (T SQUARE) ไม้ทีเป็นเครื่องมือที่สำคัญในงานเขียนแบบ ไม้ทีมีส่วนประกอบ 2 ส่วน คือหัว (HEAD) ทำจากไม้เนื้อแข็ง และใบ (BLADE)ทำจากไม้ทีขอบทำจากพลาสติกใส ทั้งสองส่วนจะยึดตั้งฉากกัน ไม้ทีใช้สำหรับเขียนเส้นในแนวนอน และใช้ประกอบกับฉากสามเหลี่ยม สำหรับเขียนเส้นในแนวดิ่ง และเส้นเอียงเป็นมุมต่าง ๆ
ภาพที่ 1.4 ลักษณะการใช้ไม้ทีเขียนเส้น
ภาพที่ 1.5 การจับไม้ทีในงานเขียนแบบ
1.4 บรรทัดสามเหลี่ยม (TRIANGLES) บรรทัดสามเหลี่ยมปกติทำจากพลาสติกใส สามารถมองเป็นเส้นที่เขียนได้ชัดเจน บรรทัดสามเหลี่ยมจะใช้คู่กับไม้ทีสำหรับเขียนเส้นดิ่ง เส้นเอียงเป็นมุมต่าง ๆ บรรทัดสามเหลี่ยมปกติจะมี 2 อัน คือ 90 -45 -45และ 90-30-60
ภาพที่ 1.6 ลักษณะการใช้บรรทัดสามเหลี่ยม
1.5 บรรทัดมาตราส่วน (SCALE)
1.8 วงเวียน (COMPASS)
1.83 วงเวียนคาน (BEAM COMPASS) เป็นวงเวียนที่ออกแบบสำหรับใช้เขียนวงกลมขนาดใาหญ่ซึ่งไม่สามารถเขียนด้วยวงเวียนธรรมดาได้
กระดาษไข ปากกาเขียนแบบประกอบด้วยหลอด และปลายเข็มใช้สำหรับเขียนเส้นที่มีขนาดความหนาของเส้นจะเพิ่มขึ้นตามอนุกรมก้าวหน้าเรขาคณิตคูณด้วย กระดาษไข ปากกาเขียนแบบประกอบด้วยหลอด และปลายเข็มใช้สำหรับเขียนเส้นที่มีขนาดความหนาของเส้นจะเพิ่มขึ้นตามอนุกรมก้าวหน้าเรขาคณิตคูณด้วย
1.12 เครื่องเหลาดินสอ (PENCIL SARPENERS) เครื่องเหลาดินสอเป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่ใช้ในงานเขียนแบบ เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานโดยเครื่องเหลาจะเหลาปอกเฉพาะเปลือกไม้ออกโดยจะปล่อยไส้ดินสอเปลือยไว้เพื่อสามารถนำไปทำการเหลาเป็นรูปร่างตามต้องการ
กันลบ เป็นต้น กันลบ เป็นต้น ภาพที่ 1.25 แปรงปัดเศษยางลบและอุปกรณ์ทำความสะอาด
1.13 ยางลบ
(1 : 1.141) ดังแสดงในภาพที่ 2.1
มาตราส่วน
ขนาดงานจริง
|
ขนาดที่เขียนลงในแบบงาน
| ||||||
1 :1
|
2 :1
|
5 :1
|
10 :1
|
1 :2
|
1 :5
|
1 :10
| |
10
|
10
|
20
|
50
|
100
|
5
|
2
|
1
|
20
|
20
|
40
|
100
|
200
|
10
|
4
|
2
|
30
|
30
|
60
|
150
|
300
|
15
|
6
|
3
|
ภาพที่ 4.18 แสดงการเขียนสัญลักษณ์บอกรูปร่างชิ้นงานหน้าตัดวงกลม
|
ภาพที่ 4.19 แสดงการกำหนดขนาดชิ้นงานที่มีรูปร่างสี่เหลี่ยม
|
ภาพที่ 4.20 แสดงการกำหนดขนาดชิ้นงานที่มีรูปร่างเป็นทรงกลม
|
ภาพที่ 4.32 เปรียบเทียบขนาดของวัตถุที่ใช้ในการเขียนแบบและขนาดจริงของวัตถุ
|
ความหมายของการสเกตภาพ
การสเกตภาพ หมายถึง การเขียนภาพโดยไม่ใช้เครื่องมือเขียนแบบช่วย จะเขียนภาพโดยใช้มือเปล่า (FREE HAND) โดยการลากเส้นขึ้นเป็นชิ้นงานอย่างหยาบ ๆ จากความคิดหรือจินตนาการของวิศวกรผู้ออกแบบ เพื่อนำไปใช้เขียนแบบที่มีรายละเอียดต่าง ๆ สมบูรณ์ตามมาตรฐานต่อไป
ดินสอที่ใช้ในการสเกตภาพนั้นควรใช้เกรด HB หรือ F โดยจับดินสอให้ห่างจากปลายดินสอประมาณ 30-40 มิลลิเมตรขณะที่ลากเส้นสเกตภาพควรหมุนดินสอตามไปด้วย เพื่อทำให้ปลายดินสอแหลมอยู่เสมอ ทำให้เส้นที่ลาดคม ชัดเจน นำหนักของเส้นที่ใช้ในการลากเส้น ในการสเกตภาพมี 2 ระดับคือ
เส้นหนัก ใช้เขียนเส้นรอบรูป เส้นประ เส้นแนวตัด
เส้นเบา ใช้เขียนเส้นศูนย์กลาง เส้นบอกขนาด เส้นช่วยบอกขนาด
ลักษณะการจับดินสอในการสเกตภาพ
การลากเส้นในการสเกตภาพ
สำหรับผู้ที่มีความชำนาญอาจจะใช้กระดาษธรรมดาทำการสเกตรูปงาน ส่วนที่ยังไม่มีความชำนาญควรทำการสเกตภาพลงบนกระดาษ สำหรับใช้ในงานสเกตภาพ โดยเฉพาะจะทำให้การลากเส้นต่าง ๆ ของงาน และสัดส่วนของภาพถูกต้อง โดยกระดาษสำหรับใช้งานสเกตภาพจะพิมพ์เป็นตาราง ซึ่งจะทำให้การสเกตภาพสะดวกขึ้น
การลากเส้นตรง
การลากเส้นตรงสำหรับการสเกตภาพ เป็นการลากเส้นโดยใช้ความชำนาญของผู้ปฏิบัติงาน จึงควรปฏิบัติโดยสม่ำเสมอ เส้นตรงที่ใช้ในงานสเกตภาพมีหลายลักษณะดังนี้
เส้นตรงในแนวนอน การลากเส้นตรงในแนวนอน ควรต้องกำหนดจุดเริ่มต้นและจุดสุดท้าย แล้วจึงลากเส้นจากทางซ้ายมือไปทางขวามือ ถ้าต้องการลากเส้นที่มีความยาวมากควรลากเส้นสั้น ๆ ต่อ ๆ กันจะง่ายกว่าการลากเส้นยาว
เส้นตรงแนวดิ่ง การลากเส้นตรงแนวดิ่ง ควรลากเส้นจากบนลงมาล่าง โดยใช้นิ้วแตะขอบกระดานสเกตจะช่วยทำให้ลากเส้นแนวดิ่งมีความตรงมากขึ้น
เส้นตรงแนวเฉียง การลากเส้นตรงแนวเฉียงมีวิธีการลากเส้นเช่นเดียวกับการลากเส้นตรงแนวนอน ควรกำหนดจุดเริ่มต้นและจุดสุดท้ายแล้วจึงลากเส้นตรงแนวเฉียง เริ่มจากบนลงล่างหรือจากล่างขึ้นบนได้ทั้ง 2 วิธี
การลากเส้นโค้งหรือวงกลม
การลากเส้นโค้งหรือกลม นับว่าเป็นการเขียนที่ยากมาก ดังนั้นจึงต้องมีการฝึกหัดและเขียนอยู่อย่างสม่ำเสมอ จะทำให้เกิดความเชี่ยวชาญ และปฏิบัติได้โดยไม่ยากนัก การลากเส้นโค้งหรือวงกลมสามารถทำได้หลายวิธี
การสเกตวงกลมวิธีที่ 1 โดยเขียนรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส หาจุดกึ่งกลางของด้านที่วงกลมสัมผัส ลากเส้นทแยงมุม กำหนดจุดประมาณที่เส้นรอบวงจะผ่านบนเส้นทแยงมุม จากนั้นเขียนส่วนโค้งผ่านจุดที่กำหนด จะเกิดเป็นรูปวงกลม
การสเกตภาพวงกลมจากรูปสี่เหลี่ยม
การสเกตวงกลมวิธีที่ 2 โดยการลากเส้นผ่าศูนย์กลาง แล้วกำหนดจุดประมาณที่เส้นรอบวงของวงกลมจะผ่าน เขียนส่วนโค้งผ่านจุดที่กำหนดจะเกิดเป็นรูปวงกลม
การสเกตภาพวงกลมจากเส้นผ่าศูนย์กลาง
การสเกตวงกลมวิธีที่ 3 โดยการใช้กระดาษวัดระยะรัศมีที่ต้องการเขียนบนกระดาษแล้วนำไปทาบบนกระดาษสเกต โดยให้ด้านหนึ่งอยู่ที่จุดศูนย์กลาง อีกด้านอยู่ที่เส้นรอบวงหมุนกระดาษไปแล้วทำจุดเส้นประไปจนครบวงกลม แล้วจึงลงเส้นหนักตามแนวเส้นประ จะเกิดเป็นรูปวงกลม
การสเกตภาพวงกลมโดยใช้กระดาษ
การสเกตวงกลมวิธีที่ 4 โดยหาหมุนกระดาษสเกต ทำได้โดยใช้ปลายนิ้วก้อยจรดที่จุดศูนย์กลาง แล้วใช้มืออีกข้างหมุนกระดาษสเกตไปเรื่อย ๆ จนได้รูปวงกลมตามต้องการ
การสเกตภาพวงกลมโดยการหมุนกระดาษ
การสเกตวงกลมโดยใช้ดินสอ การสเกตวงกลมวิธีนี้จะใช้ดินสอ 2 แท่ง โดยให้ดินสอจรดที่จุดศูนย์กลาง ดินสออีกแท่งกำหนดที่ขีดเส้นรอบวงของวงกลมแล้วหมุนกระดาษไปเรื่อย ๆ จะเกิดเป็นรูปวงกลม
การสเกตภาพวงกลมโดยใช้ดินสอสองแท่ง
สเกตวงกลมขนาดใหญ่ โดยใช้นิ้วมือเป็นจุดศูนย์กลางของวงกลม เช่นเดียวกับวงเวียนเขียนแบบ
การสเกตวงรี
การสร้างวงรีโดยเขียนรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ให้มีขนาดความกว้าง ความยาว เท่ากับขนาดของวงรีที่ต้องการ แบ่งครึ่งที่ด้านทั้งสี่ของรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่จุดกึ่งกลางของเส้น แล้วลากเส้นโค้งให้ต่อกันเป็นวงรี
การสเกตวงรี
การสเกตภาพสามมิติ
การสเกตภาพสามมิติ มีจุดมุ่งหมายเพื่อถ่ายทอดข้อมูลจากความคิดหรือจินตนาการของวิศวกรผู้ออกแบบให้เป็นภาพสามมิติ เพื่อให้ช่างเขียนแบบสามารถเห็นรูปร่างของงานได้ทั้ง ความกว้าง ความยาว และความหนา การสเกตภาพสามมิตินี้สามารถทำได้ทั้งแบบไอโซเมตริกและแบบออบลิค ขึ้นอยู่กับลักษณะการวางชิ้นงาน
การสเกตภาพออบลิคจากภาพสามมิติ
1. สเกตภาพด้านหน้าตามที่กำหนด
2. สเกตภาพตามความลึกของชิ้นงานทำมุม 45 องศา กับแนวนอน
3. ลบเส้นร่างที่ไม่ใช้ออกจากรูปงาน
4. ลงเส้นเต็มหนักที่เส้นขอบรูป
แสดงลำดับภาพการสเกตภาพออบลิค
การสเกตออบลิคจากภาพฉาย
1. เขียนรูปกล่องสี่เหลี่ยมตามหลักการเขียนภาพ OBLIQUE โดยมีขนาดกำหนด
2. สเกตรายละเอียดต่าง ๆ ตามภาพฉาย
3. ลบเส้นที่ร่างออก แล้วลงเส้นเต็มหนักของขอบชิ้นงาน
แสดงลำดับเส้นการสเกตภาพ OBIQUE จากภาพฉาย
การสเกตภาพไอโซเมตริกจากภาพสามมิติ
1. เขียนรูปกล่องสี่เหลี่ยมโดยวางภาพลักษณะไอโซเมตริก
2. แบ่งระยะเขียนรายละเอียดของภาพให้ครบตามแบบงานที่กำหนด
3. ลบเส้นที่ไม่ใช้ออกจากแบบรูปงาน
4. ลงเส้นเต็มหนักที่เส้นขอบงาน
แสดงลำดับขั้นตอนสเกตภาพจากภาพสามมิติ
การสเกตภาพไอโซเมตริกจากภาพฉาย
1. เขียนรูปกล่องสี่เหลี่ยมมีขนาดกรอบนอกของรูปตามภาพฉาย โดยวางแกนภาพตามหลัก ISOMETRIC
2. สเกตผิวหน้างานด้านต่าง ๆ ตามรายละเอียดในภาพฉาย
3. ลบเส้นที่ไม่ใช้ออกจากรูปงาน
4. ลงเส้นเต็มหนักที่เส้นขอบงาน
แสดงลำดับขั้นการสเกตภาพจากภาพฉาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น