วันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2562

การควบคุมคุณภาพ ครั้งที่ 2 วิธีการเก็บข้อมูล (How to Obtain Data)และใบตรวจสอบ

การควบคุมคุณภาพ ครั้งที่ 2

วิธีการเก็บข้อมูล (How to Obtain Data)
และใบตรวจสอบ

ส่งการบ้านการหาค่าเฉลี่ยเกรดตนเอง4เทอมกับกราฟแสดงแนวโน้ม พร้อมทดสอบก่อนเรียน






2.1 หลังการเก็บข้อมูล  (How to Collect Data)
            
1. ต้องมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนก่อน
                
ข้อมูลคือแนวทางสู่การแก้ปัญหาของเรา จากข้อมูลจะบอกปรากฎการณ์พฤติกรรมหรือคุณสมบัติใดๆที่เราต้องการจะทราบ ดังนั้นก่อนจะลงมือเก็บข้อมูลเราจะต้องสร้างภาพมองที่ชัดเจนในใจก่อนว่า เราต้องการเก็บข้อมูลไปเพื่อทำอะไร
                ในโรงงานทั่วไป บ่อยครั้งที่วัตถุดิบบางล็อตถูกปฎิเสธ (
Reject) จากฝ่ายตรวจคุณภาพวัตถุดิบ (Incoming Quality Assurance หรือ IQA) แต่ด้วยเหตุผลทางการผลิต จำเป็นต้องอนุมัติให้ยอมรับวัตถุดิบล็อตนั้นเพื่อส่งเข้าไปใช้ร่วมกันกับวัตถุดิบล็อตอื่นๆที่ผ่านการตรวจสอบปกติ โดยที่ข้อมูลจาก IQA ซึ่งมีประโยชน์ต่อการค้นหาสาเหตุความบกพร่องในการผลิตต่อไป อาจไม่ได้ถูกส่งไปยังฝ่ายผลิตก็ได้ เมื่อวัตถุดิบล็อตที่มีปัญหานั้นถูกนำไปปะปนใช้กับล็อตที่ดีก็อาจสร้างปัญหาแก่ฝ่ายผลิตไม่น้อยเลยก็ได้
                ในเชิงการวบคุมคุณภาพ วัตถุประสงค์ของการเก็บข้อมูลคือ
                
1. เพื่อควบคุมและติดตามดู (Monitoring) ผลการดำเนินการผลิต
                
2. เพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุของความไม่สอดคล้อง (Non-Conformance)
                3. เพื่อการตรวจเช็ค
                ดังนั้น ข้อมูลใดๆ ที่มีการเก็บขึ้นมาจะต้องมีวัตถุประสงค์เฉพาะตัวที่ชัดเจนและต้องตามด้วยการปฏิบัติการเท่านั้นจึงจะเกิดประโยชน์
                2. อะไรคือวัตถุประสงค์ของคุณ
                
สมมุติว่ามีปัญหาเรื่องขนาดของสินค้าตัวหนึ่งไม่เท่ากันหากว่ามีการกำหนดให้สุ่มตัวอย่างสินค้าจากปลายสายการผลิตเพียง 1 ตัวอย่างต่อวัน ข้อมูลที่ได้อาจไม่มีประโยชน์เลย เพราะไม่อาจบอกได้ว่าชิ้นงานนั้นผลิตจากเครื่องจักรชุดใด ใครเป็นคนผลิต จากวัตถุดิบล็อตใดและบกพร่องจากขั้นตอนใด เป็นต้น
                เมื่อกำหนดวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนได้แล้ว เราจำเป็นต้องออกแบบแบฟอร์มในการจดบันทึกและสะด
;dต่อการอ่านค่า และนำไปวิเคราะห์ต่อไปได้
                ตัวอย่างการจดบันทึกข้อมูลลงในแผ่นบันทึกข้อมูล (
Data Sheet) ที่ถูกต้องและสะดวกใช้งานได้แสดงไว้ในตารางที่ 2.1 ข้างล่างนี้

ตาราง 2.1 ตัวอย่างแผ่นบันทึกข้อมูล
               
                ในตราง 2.1 เขาต้องการบันทึกข้อมูลจากการผลิตทุกวันจำนวน 25 วันในเดือนกุมภาพันธ์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เป็นต้นไป และทำการตรวจเช็คและเก็บข้อมูลวันละ 4 เวลา คือ 9.00 ., 11.00 ., 14.00 .,และ 16.00 น ก็ควรจะบันทึกได้ในตัวอย่างซึ่งแสดงในตาราง 2.1 นี้
2.2 แผ่นตรวจสอบ (Check Sheets)                แผ่นตรวจสอบ (Check Sheets) คือ แผ่นที่มีแบบฟอร์มซึ่งได้รับการออกแบบช่องว่างต่างๆและพิมพ์มาเรียบร้อยเพื่อให้ผู้บันทึกสามารถลงบันทึกข้อมูลต่างๆลงในแต่ละช่องว่างได้อย่างสะดวก ถูกต้อง ไม่ยุ่งยากและต้องเขียนน้อยที่สุดขณะเดียวกัน ผู้ที่อ่านข้อมูลหลังการจดบันทึกแล้วต้องเข้าใจได้ง่ายนำไปใช้ได้เลยดังนั้นในการออกแบบฟอร์มแผ่นตรวจสอบจึงต้องกำหนดเป้าหมายไว้อย่างน้อย ประการคือ
                
1.เพื่อช่วยให้การกรอกข้อมูลสะดวกสบายที่สุด
                
2.เพื่อให้ข้อมูลที่จดบันทึกสามารถนำไปใช้ได้อย่างง่ายดายที่สุด
            

เราควรถือหลักที่ว่า ยิ่งมีการเขียนมากเท่าใดโอกาสผิดมีมากเท่านั้นและยิ่งมีการคัดลอกข้อมูลมากครั้งเท่าใดโอกาสผิดเพี้ยนก็จะมีมากเท่านั้น ดังนั้น แผ่นตรวจสอบที่ดีจึงทำไว้ให้ต้องขีดเขียนน้อยที่สุด อาจต้องการเพียงการทำเครื่องหมายง่ายๆลงไปในช่องว่าง หรือการกรอกตัวเลขเพียงไม่กี่ตัวในการตรวจสอบแต่ละครั้งเท่านั้น

รูป 2.1 แผ่นตรวจสอบที่แสดงการแจกแจงของขนาดของชิ้นงานจากการผลิตขั้นตอนหนึ่ง

ตัวอย่าง 2.1 การใช้แผ่นตรวจสอบเพื่อจดบันทึกผลการตรวจวัดจากผลิต
                
แผ่นตรวจสอบในรูป 2.1 ได้จากการตรวจสอบขนาดของชิ้นงานจากการผลิตขั้นตอนหนึ่ง ซึงมีขนาดตามข้อกำหนดว่า 8.300 ± 0.008 
              จากรูป 
2.1 ผู้จดบันทึกเพียงทำเครื่องหมาย กากบาท 1 อันลงในช่อง 1 ช่องต่อการตรวจสอบ 1 ครั้ง เท่านั้น ซึ่งผลจากการจดบันทึกดังกล่าว จะปรากฎเป็นฮีสโตแกรม ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการวิเคราะห์เชิงสถิติต่อไปได้ อาทิ การหาค่าเฉลี่ย (Mean) ของขนาดชิ้นงาน หาค่าความแปรปรวน (Variance) ตลอดจนรูปร่างของการแจกแจงได้
              ในกรณีเก็บข้อมูลหลายชนิดลงในแผ่นตรวจสอบเดียวกัน อาจกำหนดให้ใช้เครื่องหมายต่างชนิดกัน หรือต่างสีกันก็ได้
               ตัวอย่าง 
2.2 แผ่นตรวจสอบสำหรับบันทึกของเสีย
               ในรูป 
2.2 ข้างล่างนี้เป็นตรวจสอบเพื่อใช้บันทึกของเสียจากการฉีดพลาสติกด้วยเครื่องฉีดพลาสติกชนิดหนึ่งโดยมีข้อกำหนดด้านอนุภาพ

รูป 
2.2 แผ่นตรวจสอบสำหรับของเสีย
สำคัญๆ 4 ชนิด คือ ตำหนิที่ผิวชิ้นงาน,ฉีดไม่เต็มชิ้น,รูปร่างบิดเบี้ยว และอื่นๆเพราะการระบุเฉพาะจำนวนชิ้นงานที่เสียอย่างเดียวไม่อาจบอกถึงสาเหตุแห่งความบกพร่องและความถี่ของแต่ล่ะสาเหตุได้
                จากรูป
 2.2 จะพบว่ามี จำนวนความบกพร่อง ทั้งสิ้น 62 จุดบกพร่องจากการตรวจสอบชิ้นงานทั้งสิ้น 1,525 ชิ้น และมีจำนวนชิ้นงานเสียต้องคัดทิ้ง 42 ชิ้นทั้งนี้เป็นเพราะว่าของเสียบางชิ้นมีจุดบกพร่องที่ตรวจพบมากกว่า 1 แห่ง นั้นเอง (ซึ่งอาจจะเฉลี่ยได้ว่า มีจุดบกพร่อง = 62/42 = 1.48 แห่งต่อชิ้นงานเสีย ชิ้น)
หรือมีเปอร์เซ็นต์ชิ้นงานเสีย = (42 / 1,525x100 = 2.75%
 มีเปอร์เซ็นต์จุดบกพร่อง (62/ 1,525) x 100 = 4.06%
                ต้วอย่าง 2.3 แผ่นตรวจสอบที่แสดงตำแหน่งการเกิดจุดบกพร่อง
                
ในรูป 2.3 ได้แสดงตัวอย่างการใช้แผ่นตรวจสอบชนิดที่แสดงตำแหน่งที่ตั้งหรือจุดที่ตรวจพบจุดบกพร่องของผลิตภัณฑ์เพื่อช่วยให้ผู้ผลิตสามารถค้นหาและวิเคราะห์หาสาเหตุแห่งความบกพร่องขณะทำการผลิตได่ง่ายขึ้น
แผ่นตรวจสอบ
ชื่อผลิตภัณฑ์และหมายเลข ___________________________________________________
วัสดุ _____________________________________________________________________
 ผู้ผลิต ____________________________________________________________________

รูป 2.3 แผ่นตรวจสอบที่แสดงตำแหน่งการเกิดจุดบกพร่อง
จากรูป 2.3 แสดงรายละเอียดตำแหน่งของจุดบกพร่องของชิ้นงานเหล็กหล่อชนิดหนึ่งโดยการแสดงรายละเอียดตำแหน่ง (Location) ของจุดบกพร่อง (Defect) ที่ตรวจพบ เมื่อเขียนลงในตารางข้อมูลส่วนล่างแล้ว ผู้อ่านผลจะทราบได้ทันทีเลยว่า บริเวณใดของชิ้นงานชนิดนี้มีปัญหา จึงง่ายต่อการไปวิเคราะห์ดูกระบวนการผลิตต่อไป
ตัวอย่าง 2.4 แผ่นตรวจสอบชนิดแสดงสาเหตุของความบกพร่อง
ในรูป 
2.4 เป็นตัวอย่างแผ่นตรวจสอบที่ได้จำแนกแหล่งผลิตของชิ้นงานที่ทำการตรวจสอบคุณภาพ โดยชิ้นงานดังกล่าวคือ มือหมุนของอุปกรณ์ไฟฟ้าที่
O  รอยขีดข่วนผิวงาน        x  ฟองอากาศ         ผิวงานสำเร็จไม่ได้ด้วยคุณภาพ
๏  งานผิวรูปร่าง                 ความบกพร่องอื่นๆ
รูป 2.4 แผ่นตรวจสอบชนิดแสดงสาเหตุของความบกพร่อง
ฉีดขึ้นมาจากพลาสติกประเภทเบคเกอร์ไลท์ โดยในตารางดังกล่าวได้ระบุหมายเลขของเครื่องจักที่ทำการผลิตและพนักงานที่ควบคุมเครื่องจักร แล้วเก็บข้อมูลตลอดสัปดาห์โดยแบ่งการตรวจสอบเป็น 2 เวลา คือ ช่วงเช้าและช่วงบ่ายในแต่ละวัน และในแต่ละเครื่องใช้พนักงานควบคุมเตรื่อง 2  คน สลับกันทำคนละสัปดาห์
จากรูป 2.4 เราพบว่าในกลุ่มพนักงาน 4 คน นาย ข ผลิตชิ้นงานที่มีความบกพร่องมากที่สุดและในวันพุธมีจำนวนชิ้นงานที่มีความบกพร่องต่อวันสูงสุดและพนักงานทุกๆคนมีสถิติสูงเช่นเดียวกัน ทำให้สามารถไปวิเคราะห์ดูว่า ทำไม นาย ข จึงผลิตชิ้นงานที่มีความบกพร่องมากกว่าคนอื่นๆและทำไมความบกพร่องของชิ้นงานจึงเกิดมากเฉพาะในวันพุธ เป็นต้น

แบบฝึกหัด 2.1
            มีโรงงานผลิตเลนส์แห่งหนึ่ง ในแผนกฝนเลนส์ มีเครื่องฝนเลนส์ 4  เครื่อง มีพนักงาน 2 คน ต่อมาพบว่าสถิติจำนวนเลนส์ที่เสียมีเพิ่มมากขึ้นจากแผนกนี้ และพนักงานควบคุมเครื่องทั้ง 2 คนก็ได้ร้องขอให้มีการเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่โดยอ้างว่าเครื่องที่ตนใช้นั้นเก่ามากแล้วแต่ทว่าผู้บริหารกลับบอกว่า น่าจะเกิดจากการไม่ระมัดระวังของพนักงานมากกว่า หากท่านต้องไปแก้ไขปัญหานี้ ท่านจะทำอย่างใร(โปรดจงอธิบายสิ่งที่ท่านจะทำ)




























การบริหารงานอุตสาหกรรม ๑/๒๕๖๒ ตอน ๒ การบริหารการผลิตและอุตสาหกรรม

การบริหารงานอุตสาหกรรม ๑/๒๕๖๒ 

ตอน ๒ การบริหารการผลิตและอุตสาหกรรม







































































































 การบ้าน 
จงศึกษาข้อมูลของบริษัท/ผลิตภัณฑ์ที่ท่านจะทำรายงานที่ท่านเลือกจะทำรายงานในหัวข้อต่อไปนี้
1. ประวัติบริษัท
2.วิสัยทัศน์ นโยบาย และเป้าหมาย
3.วิเคราะห์กระบวนการผลิต
4.วิเคราะห์ SWOT

ตัวอย่างการวิเคราะห์

กรณีศึกษา SWOT บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด
โดยนศ.ชุติภาส ชนะจิตต์.
ประวัติความเป็นมา
พระยาภิรมย์ภักดี ก่อตั้งบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ขึ้นในปีพุทธศักราช 2476 เป็นโรงเบียร์แห่งแรกในประเทศไทยที่พัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพ อยู่เสมอ จนได้ชื่อว่าเป็นโรงเบียร์ที่มีศักยภาพในการผลิตสูงที่สุดคือ พันล้าน ลิตรต่อปี และเป็นโรงเบียร์ที่ใช้เครื่องมือเครื่องจักรที่ทันสมัยที่สุดเพื่อผลิต สินค้าคุณภาพภายใต้เครื่องหมายการค้า "สิงห์" "ลีโอ" และ "มิดไวด้า"
บริษัทฯ กระจายกำลังการผลิตไปทั่วราชอาณาจักร ด้วยการสร้างโรงเบียร์ แห่ง และโรงงานผลิตโซดา น้ำดื่ม อีก แห่ง ความสามารถในการผลิตเบียร์ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวผนึกกับเครือข่ายการจัด จำหน่ายที่รองรับตลาดอย่างทั่วถึงทำให้บุญรอด ยืนผงาดอยู่ในแนวหน้าของผู้ผลิตเบียร์ตราบจนทุกวันนี้ ยิ่งบริษัทฯ ได้รับเกียรติบัตร ISO 9002 รับรองมาตรฐานการผลิต ยิ่งทำให้ผู้บริโภค มั่นใจในสินค้าของบุญรอดฯ เมื่อเห็นว่าตลาดโลกมีความต้องการสินค้าคุณภาพของบุญรอด บริษัทฯ จึงเสริมกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นในประเทศเยอรมันด้วย โรงเบียร์อีก แห่ง และร่วมทุนทำโรงเบียร์ในประเทศจีนอีก แห่ง
ขณะเดียวกัน บุญรอดมีความสำนึกและภาคภูมิใจในความเป็นไทยตลอดมา จึงเน้นที่จะส่งเสริมกิจกรรมทางสังคมที่เป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีไทยเป็นหลัก นอกเหนือจากการให้ความช่วยเหลือสนับสนุนกิจกรรมที่มีคุณค่าทุกประเภท เพื่อเป็นการตอบแทนสังคมที่อุดหนุนผลิตภัณฑ์ตราสิงห์ด้วยดีตลอดมา


ส่วนผสม
ในการทำเบียร์นั้น วัตถุดิบสำคัญที่ใช้คือ ข้าวมอลต์ (Malt) น้ำ ดอกฮ็อพ (Hop) และ ยีสต์ (Yeast)
ข้าวมอลต์ ได้มาจากข้าวบาร์เลย์ ซึ่งเป็นธัญพืช ที่นิยมปลูกในประเทศ ที่มีภูมิอากาศเย็น จะมีการปลูกกันมาก ในประเทศทางทวีปยุโรป เช่น เยอรมนี ออสเตรีย อังกฤษ เดนมาร์ก และ ออสเตรเลีย ส่วนประเทศไทยมีการนำ สายพันธุ์ ข้าวบาร์เลย์เข้ามาปลูกในแถบ ภาคเหนือ ซึ่งมีภูมิอากาศเย็น มีการ ส่งเสริม การปลูกข้าวบาร์เลย์
น้ำ เป็นวัตถุดิบที่สำคัญอีกตัวหนึ่ง เนื่องจากเบียร์มีส่วนประกอบที่เป็น น้ำมากกว่า 90% คุณภาพของน้ำ ที่ใช้สำหรับการ ผลิตเบียร์ขึ้นอยู่กับ ลักษณะของเบียร์ที่จะผลิต ความอ่อน ความกระด้างของน้ำจะมีผลต่อ รสชาติของเบียร์ หรือมีผลต่อความ เปลี่ยนแปลง ที่จะเกิดขึ้นในกระบวน การผลิต
การผสม
การผลิตเบียร์เริ่มจากการนำข้าวมอลต์ มาบดให้เมล็ดแตก พร้อมทั้งใส่น้ำผสม ลงไปในถังผสม ถังผสมต่างๆ ที่ใช้ ในการผลิตเบียร์ในสมัยก่อนนั้น นิยม ทำด้วยทองแดง ตัวทองแดงนอกจากจะมี ความสวยงามแล้ว ยังเป็นตัวนำความร้อน ที่ดี ทำให้ความร้อนสามารถผ่านไปที่ของผสมในถังผสมได้เร็วขึ้นเมื่อผสมข้าวและน้ำลงไปในถังผสมแล้ว จึงทำให้ความร้อนที่เหมาะสม เพื่อให้ เอนไซม์ที่มีอยู่ในข้าวมอลต์ เปลี่ยนแป้ง ไปเป็นน้ำตาลมอลโตส (Maltose) หลังจากนั้นจึงแยก เอาของเหลวออกจาก กากข้าว ของเหลวดังกล่าวเรียกว่า เวิร์ท (Wort) ซึ่งจะมีความหวานของน้ำตาล มอลโตสอยู่ จากนั้นจึง ต้มเวิร์ทให้เดือด พร้อมทั้งใส่ดอกฮ็อพ เมื่อต้ม เวิร์ทจน ได้ที่แล้ว จะปล่อยให้ตกตะกอนก่อน หลังจากนั้นจึง ทำให้เย็นลงพร้อมทั้ง ใส่ยีสต์และเติมลมเพื่อการเจริญของยีสต์ แล้วนำไปหมักในถังหมัก
การหมัก
อุณหภูมิของการหมักขึ้นอยู่กับ ชนิดของเบียร์ และชนิดของ ยีสต์ที่ใช้ การหมักจะใช้เวลา ประมาณ วัน สำหรับท็อปยีสต์ ส่วนบ็อททอมยีสต์ใช้เวลา 7-10 วัน หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการ หมักแล้วจึงแยกยีสต์ออก เบียร์ที่ได้ ในช่วงนี้เรียกว่าว กรีนเบียร์ (Green beer) หรือ ยังเบียร์ (Young beer) ซึ่งจะต้อง นำไปเก็บบ่มต่อไปอีกระยะหนึ่ง โดยการควบคุมความเย็นและ แรงดันภาย ในถังบ่มเพื่อให้เบียร์ใส ขึ้นและมีรสชาติที่กลมกล่อมหลังจากนั้นนำไปกรอง เพื่อแยก เอาตะกอนแขวนลอย และยีสต์ ที่ตกค้างออก จึงจะได้เบียร์ที่ใส พร้อมดื่ม
การบรรจุภัณฑ์และการจัดจำหน่าย
แสงสว่างซึ่งมีอัลตราไวโอเลต (UV) สามารถทำปฏิกิริยาออกซิเดชั่นกับเบียร์ได้ มีผลทำให้สีของเบียร์เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นการบรรจุเบียร์ลงในภาชนะที่เป็นขวด จึงนิยมใช้ขวดที่มีสี เช่น สีน้ำตาล หรือสีเขียว ซึ่งจะช่วยป้องกันแสงอัลตราไวโอเลต ผ่านได้ เบียร์จะได้รับการบรรจุขวด ผนึกฝา และ ติดฉลากด้วยเครื่องจักรโดย อัตโนมัติ โดยมีผู้คอยตรวจสอบทุกขั้นตอนการผลิต และมีการทดสอบในห้องทดลองของโรงเบียร์ ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายเพื่อให้แน่ใจว่าเบียร์ทุกขวดได้รับการบรรจุอย่างเรียบร้อย ปราศจาก สิ่งปนเปื้อน และพร้อมที่จะจัดจำหน่ายเบียร์จะถูกจัดส่งผ่านเครือข่ายผู้จัดจำหน่ายของบุญรอด ไปยังภัตตาคาร บาร์ และร้านค้า ทั่วประเทศเพื่อให้ผู้บริโภคได้ดื่มกันอย่างทั่วถึง
สายผลิตภัณฑ์
คุณภาพของสินค้าเป็นหัวใจสู่ความสำเร็จของกลุ่มบริษัทบุญรอด การให้ความสำคัญกับการผลิต สินค้าคุณภาพเยี่ยมทำให้บุญรอดสามารถรักษาปณิธานดั้งเดิมนี้ไว้ได้ โดยมีการเลือกสรรวัตถุดิบที่ดี ที่สุดจากธรรมชาติ ผ่านขั้นตอนการผลิตที่ทันสมัย และการตรวจสอบคุณภาพที่เข้มงวด ด้วยปัจจัยเหล่านี้ ทำให้สินค้าของบุญรอดเป็นสัญลักษณ์ของคุณภาพ ในทุกๆ วัน ผู้บริโภคนับล้านทั้งใน และต่างประเทศ ได้แสดงถึงความไว้วางใจในกลุ่มบริษัทของเรา โดยการเลือกซื้อสินค้าของบุญรอด ความเชื่อถือซึ่งมาจากการ ปูพื้นฐานภาพพจน์ด้านคุณภาพเป็นระยะเวลายาวนานถึง ทศวรรษ
โซดา
น้ำดื่มตราสิงห์
เบียร์ลีโอ
วิเคราะห์ PEST
การเมือง
1. กฎหมายและข้อบังคับของรัฐบาลเช่นการควบคุมเวลาในการขายเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
2. การผลิตเบียร์มีระบบสัมปทาน
3. ภายในปี2550 ยังไม่มีทิศทางที่แน่นอนในการเลือกตั้ง

เศรษฐกิจ
1. บริษัทต่างๆปิดกิจการลงทำให้การว่างงานมากขึ้น
2. การปล่อยสินเชื่อจากสถาบันการเงินยากขึ้น
3. ระดับการจ้างงานและเงินเดือนลดน้อยลงเนื่องจากอัตราเติบโตของเศรษฐกิจยังไม่ดีพอ
4. ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น
5. ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมปี2550 ครึ่งปีหลังอยู่ที่4.9%

สังคม วัฒนธรรม

1. การนับถือศาสนา เช่นศาสนาพุทธในช่วงเข้าพรรษาจะงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
2. กระแสการรักสุขภาพ
3. ศาสนาอิสลามจะไม่ให้ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
4. วิถีการดำรงชีวิตเปลี่ยนไปเช่นในฤดูหนาวสั้นลงผู้บริโภคก็ดื่มน้อยลง

เทคโนโลยี
1. กระบวนการผลิต รูปลักษณ์ รสชาติเป็นปัจจัยในการเลือกซื้อสินค้า
2. การพัฒนาเทคโนโลยีในการผลิตใน3-5ปีข้างหน้าจะปรับตัวในทางที่ดีขึ้น
3. การพัฒนาการของอุตสาหกรรมทดแทนที่ดีขึ้นเช่นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์น้องกว่าเบียร์หรือพวกที่ไม่มีแอลกอฮอล์
 

วิเคราะห์ 5M โดยใช้ SWOT
Man (คน)
จุดแข็ง
1.ผู้บริหารมีประสบการณ์ความรอบรู้ ความซื่อสัตย์และมีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องอุตสาหกรรมเบียร์
2.พนักงานได้รับการส่งเสริม และพัฒนาความรู้ ความสามารถ ทักษะของพนักงานให้สามารถปฏิบัติงานได้
อย่างมีประสิทธิภาพ
3.ผู้บริหารของบริษัท มีความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการ
4.มีการพัฒนาฝึกอบรมบุคลากรใหม่ๆให้มีทักษะความชำนาญ เพื่อทดแทนบุคลากรที่เปลี่ยนต้นสังกัดได้
จุดอ่อน
1.มีการแข่งขันกันภายในองค์กรสูง เพื่อแสดงผลงานของตนเองอาจทำให้เกิดการขัดแย้งกัน
โอกาส
1.บริษัทเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน ทำให้สามารถเลือกพนักงานที่มีคุณภาพมาทำงานในองค์กรได้
อุปสรรค
1.เกิดปัญหาสมองไหลถ้าเกิดการซื้อตัวพนักงานที่มีความรู้ความสามารถขององค์กร

Money (เงิน)
จุดแข็ง
1.มีงบประมาณในการดำเนินงานสูงทำให้เกิดความคล่องตัวในการจัดทำกิจกรรมในด้านต่างๆ เช่นด้านการตลาด การส่งเสริมการขาย รวมถึงการลงทุนเพิ่มในธุรกิจอื่นๆ
2.บริษัทมีเครดิตในการขอกู้เงินจากแหล่งเงินทุนต่างๆ
จุดอ่อน
1.การระดมเงินทุนต้องใช้ระยะเวลา

โอกาส
1.ความสามารถในการลงทุนอย่างอื่นที่บริษัทเห็นว่าเหมาะสม เช่นการไปลงทุนในธุรกิจอื่นๆ
อุปสรรค
1.การแข็งค่าของเงินบาทอย่างต่อเนื่อง
2.อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่สูงขึ้น

Materials (วัสดุอุปกรณ์)
จุดแข็ง
1.บริษัทเลือกใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่มีประสิทธิ์ภาพสูงและทันสมัย
2.บริษัทในเครือและซัพพลายเออร์สามารถสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ได้เป็นอย่างดี
3.ความสามารถในการขยายกำลังการผลิต
จุดอ่อน
1.เครื่องจักรบางชนิดเสื่อมคุณภาพเร็วกว่าที่กำหนด
2.อุปกรณ์บางชนิดบริษัทต้องสั่งจากต่างประเทศ ไม่สามารถหาได้ในเมืองไทย
โอกาส
1.เป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีในการผลิตเบียร์

อุปสรรค
1.ความอ่อน ความกระด้างของน้ำจะมีผลต่อ รสชาติของเบียร์ หรือมีผลต่อความ เปลี่ยนแปลง ที่จะเกิดขึ้นในกระบวน การผลิต

Management (การจัดการ)
จุดแข็ง
1.บริษัทมีระบบการจัดการควบคุมภายในอย่างต่อเนื่อง
2.บริษัทมีระบบการควบคุมคุณภาพที่เชื่อถือได้

จุดอ่อน
1.ขนาดที่ใหญ่ขององค์กรมีส่วนทำให้การบริหารการจัดการบางครั้งไม่ทั่วถึง
2.บริษัทต้องใช้งบประมาณเป็นจำนวนมากในการจัดระบบการจัดการ
3.ธุรกิจยังเป็นระบบครอบครัวดูได้จากนามสกุลของผู้บริหาร
โอกาส
1.บริษัทให้ความสำคัญกับการสร้างนวัตกรรมในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อให้เข้าถึงความต้องการของลูกค้ากลุ่มต่างๆ
2.บริษัทสามารถที่จะพัฒนาบุคคลที่มีความสามารถเข้ามาทำงานให้กับองค์กรได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
อุปสรรค
1.แสงสว่างซึ่งมีอัลตราไวโอเลต (UV) สามารถทำปฏิกิริยาออกซิเดชั่นกับเบียร์ได้ มีผลทำให้สีของเบียร์เปลี่ยน
แปลงไป
Marketing (การตลาด)
จุดแข็ง
1.บริษัทมีนโยบายการทำตลาดเพิ่มเติมโดยมีงบในการตลาดจำนวนมาก
2.บริษัทสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าทุกกลุ่ม
3.บริษัทมีสินค้าหลากหลายและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและที่สำคัญผลิตภัณฑ์ต้องมีคุณภาพ
4.บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของการผลิตสินค้าให้ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับระดับโลกจึงเน้นการสร้างตรา
สินค้าให้เป็นที่ย่อมรับ
5.มีช่องทางจัดจำหน่ายได้หลายช่องทางและครอบคลุมทั่วประเทศ
จุดอ่อน
1.บริษัทต้องตามให้ทันกับความต้องการและการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค ซึ่งบางครั้งจำเป็นต้องใช้เวลาใน
การวิเคราะห์เพื่อให้ได้มาเพื่อความต้องการนั้น
โอกาส
1.มีการขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศ
2.มีอัตราการเติบโตของนักดื่มกลุ่มใหม่ๆเกิดขึ้น เช่นกลุ่มลูกค้าเบียร์ลีโอ
อุปสรรค
1.มีคู่แข่งขันทั้งในประเทศและต่างประเทศ
2.ผู้บริโภคบางกลุ่มมีความอ่อนไหวในเรื่องราคา
Miscellaneous (อื่น)
จุดแข็ง
1.เน้นที่จะส่งเสริมกิจกรรมทางสังคม นอกเหนือจากการให้ความช่วยเหลือสนับสนุนกิจกรรมที่มีคุณค่าทุกประเภท
เพื่อตอกย้ำตราสินค้าและสร้างความภักดีแก่ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง
2.ให้ความสำคัญกับซัพพลายเออร์ไม่ใช่เพียงแค่คู่ค้าแต่เปรียบเสมือนพาร์ตเนอร์ที่เดินไปสู่ความสำเร็จเคียงข้างกัน
3.มีระบบบำบัดน้ำทิ้งที่ดี

จุดอ่อน
1.บริษัทต้องทำการลงทุนเองเมื่อจะขยายบริษัทเพื่อรองรับปัจจัยทางเศรษฐกิจที่จะขยายตัวในอนาคต
โอกาส
1.การที่มีกำแพงภาษีประเภทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถึง330%ทำให้บริษัทสามารถแข่งขันภายในประเทศได้ง่ายแต่
ขณะเดียวกันบริษัทก็เข้าไปขยายตัวในต่างประเทศได้
2.บริษัทมีช่องทางในการทำตลาดมากขึ้นในต่างประเทศ

อุปสรรค
1.ภาครัฐไม่ให้การส่งเสริมและสนับสนุน
2.มีคู่แข่งขันในประเทศเพิ่มมากขึ้นและต่างประเทศที่ลักลอบนำเข้ามา
3.ปัจจัยลบจากราคามันสำปะหลังและสภาพอากาศที่แปรปรวน
4.กระแสการรักสุขภาพ
แนวโน้ม (Trends)
T1 ภาวะโลกร้อน
T2 ราคาน้ำมัน
T3 พฤติกรรมการบริโภค
T4 ค่าเงินบาทและภาวะทางเศรษฐกิจ
T5 การทำตลาดของคู่แข็งขันทางธุรกิจ
T6 สถานการณ์ทางการเมือง
T7 กำลังการผลิต
T8 ระบบสัมปทาน
T9 การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิต
T10การนับถือศาสนาต่างๆ
การวิเคราะห์แนวโน้ม (Trends Analysis)
แนวโน้มที่แน่นอน (Certainly Trends)
C1 คู่แข่งทางการตลาดมีการแข่งขันสูง
C2 ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มจะขึ้นอยู่ตลอดเวลา
C3 การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตที่มีอย่างต่อเนื่อง
C4 ระบบสัมปทานในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอกอฮอล์
แนวโน้มที่ไม่แน่นอน (Uncertainly Trends)
U1 ภาวะโลกร้อนซึ่งทำให้สภาพอากาศแปรปรวนฤดูกาลอาจจะเปลี่ยนแปลงไปทำให้เกิดความแห้งแล้ง
เร็วกว่าปกติส่งผลกระทบต่อกลุ่มระดับล่าง เพราะกำลังซื้อจะลดน้อยลง
U2 กลุ่มผู้บริโภคที่มีกระแสเกี่ยวกับการรักสุขภาพ
U3 สถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่ชัดเจนว่าจะมีการเลือกตั้งหรือไม่มีและถ้าเลือกแล้วกลุ่มอำนาจเก่า
กลับมาจะมี การปฏิวัติใหม่อีกหรือไม่
U4 กำลังการผลิตและวัตถุดิบต่างๆรวมถึงบรรจุภัณฑ์ที่นำมาใช้ในอุตสาหกรรมของบริษัทฯ
U5 การแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องของเงินบาทมีผลทำให้วัสดุต่างๆที่นำเข้ามาจากต่างประเทศถูกลง

การจัดกลุ่มตามแกน (Cluster into Axes)

แกน เป็นกำลังการผลิตและวัตถุดิบต่างๆรวมถึงบรรจุภัณฑ์ที่นำมาใช้ในอุตสาหกรรมของบริษัทฯ U4
แกน เป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีกระแสเกี่ยวกับการรักสุขภาพ U2
บทสรุป
Scenarioa A สรุปได้ว่า กระแสของกลุ่มผู้บริโภคที่มีการรักสุขภาพมากขึ้นแสดงว่าผู้บริโภคดื่มเครื่องดื่มที่มีแอกอฮอล์น้อยลง ในขณะที่กำลังการผลิตและวัตถุดิบรวมถึงบรรจุภัณฑ์มีความพร้อมมากแสดงว่าผลิตได้มาก ทำให้ต้นทุนในการผลิตต่ำควรใช้กลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์คือเน้นรูปลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ ได้แก่ลักษณะทางนวัตกรรม และคุณภาพรวมถึงการส่งเสริมการขายโดยใช้กลุ่มที่มีอิทธิพลต่อผู้บริโภคเป็นจุดขาย
Scenarioa B สรุปได้ว่า กระแสของกลุ่มผู้บริโภคที่มีการรักสุขภาพน้อยแสดงว่าผู้บริโภคดื่มเครื่องดื่มที่มีแอกอฮอล์มากขึ้น ในขณะที่กำลังการผลิตและวัตถุดิบรวมถึงบรรจุภัณฑ์มีความพร้อมมากแสดงว่าผลิตได้มาก ทำให้ต้นทุนในการผลิตต่ำควรใช้กลยุทธ์ด้านการขยายตัว โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์และเจาะการตลาดให้มากขึ้น โดยกระตุ้นลูกค้าในปัจจุบันให้เพิ่มปริมาณการซื้อให้มากขึ้นและขณะเดียวกันก็หาลูกค้าใหม่ๆด้วย
Scenarioa C สรุปได้ว่า กระแสของกลุ่มผู้บริโภคที่มีการรักสุขภาพมากขึ้นแสดงว่าผู้บริโภคดื่มเครื่องดื่มที่มีแอกอฮอล์น้อยลง ในขณะที่กำลังการผลิตและวัตถุดิบรวมถึงบรรจุภัณฑ์ไม่มีความพร้อมแสดงว่าผลิตได้น้อย ทำให้ต้นทุนในการผลิตสูงควรใช้กลยุทธ์โดยลงทุนต่ำสุดคือลดขนาดและต้นทุนที่ไม่สำคัญและพยายามทำกำไรให้สูงสุดเพื่อวางแผนการขายให้มากเพิ่มขึ้นและทำสินค้าให้มีคุณภาพมากขึ้นด้วย
Scenarioa D สรุปได้ว่า กระแสของกลุ่มผู้บริโภคที่มีการรักสุขภาพน้อยแสดงว่าผู้บริโภคดื่มเครื่องดื่มที่มีแอกอฮอล์มากขึ้น ในขณะที่กำลังการผลิตและวัตถุดิบรวมถึงบรรจุภัณฑ์ไม่มีความพร้อมแสดงว่าผลิตได้น้อย ทำให้ต้นทุนในการผลิตสูงควรใช้กลยุทธ์การขยายตัวผลิตภัณฑ์และหาแหล่งวัสดุใหม่ รวมถึงการพัฒนาอบรมบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญมากขึ้น



ข้อแสนอแนะ

1. สร้างการยอมรับในตัวสินค้าโดยการตอกย้ำBRANDให้มากขึ้น
2. การมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมให้มากขึ้นเช่น การเข้าร่วมการจัดกิจกรรมต่างๆกับทางภาครัฐบาล
3. ใช้กลยุทธ์เชิงรุกเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดโดยใช้กิจกรรมทางด้านกีฬาเช่นการแข่งขันฟุตบอล
4. ใช้โอกาสจากการที่ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นโดยหาเครื่องจักรและเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยจากต่างประเทศมาปรับปรุงเพื่อลดต้นทุนในการผลิต
5. การพัฒนาคุณภาพของเครื่องดื่มที่มีแอกอฮอล์โดยเน้นหลักการที่ว่าดื่มอย่างไรให้มีประโยชน์ต่อร่างกาย

เอกสารอ้างอิง
ดร.ดนัย เทียนพุฒเอกสารการเรียนการสอน การบริหารกลยุทธ์ (Stratagy Management)

การจัดทำกรณีศึกษาของ นศ. MBA ม.ธนบุรี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ "งานวิเคราะห์ธุรกิจ "
เอกสารนี้เป็นเอกสารที่ใช้ในการประกอบการเรียน ซึงความเห็นหรือแนวทางในการวิเคราะห์เป็นแค่เพียงหลักการและการแสดงความคิดเห็นเพื่อใช้ในการประกอบการเรียนเท่านั้น
ที่มา: